มารู้จักเส้นใยในเสื้อผ้าของคุณกันเถอะ

ก่อนจะมาเป็นเสื้อผ้าสวยๆที่คุณใส่ ต้องผ่านกระบวนการผลิตมากมาย เล่าสั้นๆเพื่อให้เห็นภาพง่ายๆ คือ เสื้อ 1 ตัว มาจากการนำเอาเส้นใยมาปั่นเกิดเป็นเส้นด้าย และผ่านกรรมวิธีผลิตจนได้เป็นผืนผ้า จากนั้นช่างตัวเสื้อก็นำมาออกแบบตัดเย็บจนออกมาเป็นเสื้อที่เราส่วมใส่ทุกวันนี้

คุณรู้หรือไม่ ? ว่าเสื้อผ้าที่เราสวมใส่กันอยู่ทุกวันทำมาจากอะไร สิ่งที่ทุกคนรู้คือแน่นอนก็ทำมาจากผ้ายังไงล่ะ แล้วคุณรู้หรือไม่ว่าผ้าได้มาจากอะไร และสิ่งเหล่านี้เป็นตัวกำหนดคุณสมบัติของเสื้อที่คุณใส่ คำตอบคือ เส้นใย เส้นใย คือ วัสดุ หรือสารใดๆ ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติและมนุษย์สร้างขึ้น สามารถขึ้นรูปเป็นผ้าได้และเป็นองค์ประกอบที่เล็กที่สุดของผ้า แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ

1. เส้นใยธรรมชาติ (Natural Fibers) แบ่งเป็น เส้นใยธรรมชาติจากพืชและ เส้นใยธรรมชาติจากสัตว์

1.1 เส้นใยจากพืช (Plant fibres)

1.1.1 เส้นใยฝ้าย (Cotton) ได้มาจากการนำเส้นใยของปุยของดอกฝ้าย มาปั่นเป็นเส้นด้าย แล้วนำเส้นด้ายมาทอ หรือถัก ให้เป็นผืนผ้า คุณสมบัติของผ้าฝ้าย (Cotton) คือ ระบายความชื้นได้ดี ใส่สบาย ไม่ร้อน ผ้าฝ้ายดูแลรักษาง่าย สามารถซักได้ทั้งเครื่องซักผ้า และซักมือ

1.1.2 เส้นใยลินิน (Linen) ผลิตจากเส้นใยของต้นแฟลกซ์ (flax) แล้วนำมาปั่น เป็นเส้นด้าย นำมาทอ หรือถัก เป็นผืนผ้า ลินินเป็นเส้นใยธรรมชาติที่มีความคงทน และแข็งแรงที่สุด โดยคุณสมบัติของผ้าลินินจะมีความเงายับง่าย สวมใส่สบาย ไม่ร้อน ซักได้ สามารถ รีดได้ที่อุณหภูมิสูง

1.1.3 เส้นใยรามี่ ( Ramie ) เส้นใยป่านรามีมีคุณสมบัติที่ดีกว่าเส้นใยพืชชนิดอื่นหลายอย่าง มีความเหนียวมากกว่าฝ้าย ๘ เท่า เส้นใยรามี่มีความแข็งมากกว่าลินิน ๔ เท่า มีความยืดหยุ่นเท่าเทียมกับฝ้าย แต่ด้อยกว่าไหม เมื่อถูกน้ำจะเพิ่มความเหนียวขึ้นอีก ๓๐-๖๐% ไม่หด ถ้าปั่นควบกับเส้นใยอื่น จะทำให้ได้เส้นด้ายที่มี ลักษณะและคุณภาพสูงกว่าเดิม ทำให้ผลิตภัณฑ์ สวมใส่สบาย ไม่ร้อน

1.1.4 เส้นใยเฮมพ์ (Hemp) เป็นเส้นใยที่ยาว เส้นใยมีความยืดหยุ่นสูง ทนทาน แข็งแรง และมีความสามารถในการซึมซับน้ำและระบายความชื้นได้ดี ด้วยโครงสร้างของเส้นใยที่มีรูพรุนจึงทำให้สวมใส่เย็นสบายในฤดูร้อน และอบอุ่นในฤดูหนาว สามารถป้องกันเชื้อราได้ และสามารถป้องกันรังสียูวีได้ถึง 95%

1.2 เส้นใยจากสัตว์ (Protein fibres)

1.2.1 เส้นใยไหม (Silk) ใยไหมเป็นเส้นใยโปรตีนสาวออกมาจากรังไหม คุณสมบัติของผ้าไหม คือมีความเงา ไม่ยับง่าย ใส่สบาย ให้ความรู้สึกอบอุ่นเมื่อใส่ในฤดูหนาว และใส่เย็นสบายในฤดูร้อน

1.2.2 เส้นใยขนสัตว์ (Wool) ผ้าขนสัตว์คือเส้นใยโปรตีน ได้จากการนำขนสัตว์มาปั่น เป็นเส้นด้าย จากนั้นทอ หรือถักเป็นผืนผ้า โดยขนสัตว์ที่นิยมมาใช้ทำเป็นผ้าที่สุด คือขนแกะ คุณสมบัติของขนสัตว์คือ ให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว และถ่ายเทความชื้นได้ดี สวมใส่สบายในฤดูร้อน นอกจากขนแกะแล้ว ยังมีเส้นใยขนแพะภูเขาพันธุ์พิเศษ (Goat) หรือ แคชเมียร์ มีความนุ่มเป็นพิเศษและให้ความอบอุ่นสูง ขนกระต่าย มีความนุ่มมาก อบอุ่น ระบายอากาศได้ดี ดูดซับความชื้นได้ดี สวมใส่สบาย และยังมีเส้นใยขนสัตว์อื่นๆ

2. เส้นใยประดิษฐ์ (Man-made Fibers) หรือ เส้นใยสังเคราะห์ (Synthetic fiber)

2.1 โพลีเอสเตอร์ (Polyester) ได้มาจากปิโตรเคมี ฉีดออกมาเป็นเส้นใย และ ผลิตเป็นเส้นด้าย ผ่านกระบวนการถัก หรือทอเป็นผืนผ้า โพลีเอสเตอร์เป็นเส้นใยมีลักษณะ เป็นเส้นใยยาว เงามัน ดูดความชื้นได้น้อย ใส่ไม่สบาย ลื่น ยับยาก แต่ในปัจจุบันมีการปรับปรุงคุณสมบัติให้ดีขึ้นมีการซึมน้ำได้ดีขึ้นให้ใกล้เคียงกับเส้นใยฝ้าย และ มีการออกแบบเพื่อให้ความอบอุ่น เช่น Heattech เส้นใยโพลิเอสเตอร์นั้นได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดากลุ่มเส้นใยสังเคราะห์อื่นๆ มากกว่าครึ่งหนึ่งของเส้นใยที่ใช้กันอยู่ทั่วโลก เส้นใยโพลีเอสเตอร์ ผลิตจากปิโตรเคมี และสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตขวดเครื่องดื่มเช่น ขวด PET อีกด้วย ดังนั้นจึงมีการน้ำขวดเครื่องดื่มหรือขวดน้ำมันที่ใช้แล้วนำกลับมารีไซเคิลเป็นเสื้อผ้าได้

2.2 ไนลอน (Nylon) ได้มาจากปิโตรเคมี ฉีดออกมาเป็นเส้นใย และ ผลิตเป็นเส้นด้าย นำมาการถัก หรือทอ คุณลักษณะของผ้าไนลอน คือ ความทนทานสูง คงรูปร่างได้ดี ระบายความชื้นได้ไม่ดี เมื่อสวมใส่ไม่ค่อยสบายตัว นำมาผลิตเป็น ถุงเท้า ถุงน่อง เสื้อกีฬา ชุดชั้นใน เป็นต้น

2.3 อะคริลิก (Acrylic) ได้มาจากปิโตเคมี เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่นุ่ม พอง น้ำหนักเบา และคล้ายกับขนสัตว์ สามารถใช้งานได้หลากหลาย เพราะมีความทนทาน มีคุณสมบัติหน่วงการติดไฟ และทำความสะอาดได้ง่าย ทดต่อแสงแดดได้ดี สามารถใช้ได้กับงานหลายประเภท เช่น เสื้อสเวตเตอร์ หมวก ผ้าพันคอ ถุงเท้า ผ้าห่ม พรม เครื่องนอน ผ้าม่าน เบาะเฟอร์นิเจอร์ ใช้กับเฟอร์นิเจอร์สำหรับกลางแจ้งได้ดี และอื่นๆ

3. เส้นใยสังเคราะห์จากวัสดุธรรมชาติ (Natural Synthetic fiber) ได้มาจากการนำไม้ มาสับ ต้มด้วยเคมีกลายเป็นเยื่อกระดาษ(pulp) ผ่านกระบวนการทางเคมี และฉีดออกมาเป็นเส้นใย ปั่นเป็นเส้นด้าย จากนั้นจึงผ่านกรรมวิธีด้วยการถัก หรือทอ

มีคุณสมบัติ คือมีความนุ่ม เงา ใส่สบาย ระบายความชื้นและความร้อนได้ดี ได้แก่ เรยอน (Rayon) , เทนเซล (Tencel) , ไลโอเซล (Lyocel) , โมดาวล์ (Modal), ฟิลาเจน (Filagen) เป็นต้น

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเสื้อที่เราใส่ทำจากเส้นใยอะไร?? การทดสอบหาชนิดของเส้นใยเบื้องต้นนั้นทำได้ 2 วิธี 1. การเผาเส้นใย (Burnning Test)

เส้นใยจากพืชธรรมชาติ เช่น ฝ้าย ลินิน เรยอน เทนเซล โมดาว เมื่อนำมาเผาจะได้กลิ่นเหมือนหญ้าไหม้ มีขี้เถ้าสีขาวเทาอ่อน

เส้นใยธรรมชาติจากสัตว์ เช่น ไหม ขนสัตว์ เมื่อเผาไหม้จะมีกลิ่นเหมือนผมไหม้ ลุกลามรวดเร็ว

เส้นใยสังเคราะห์จากปิโตรเคมี เช่น โพลีเอสเทอร์ ไนลอน อะคลิลิก เผาแล้วติดไฟ มีควันดำ เหลวหยดเป็นลูกไฟเหมือนเผาถุงพลาสติก เมื่อเย็นจะแข็งตัวเหมือนพลาสติก

2. การส่องดูเส้นใยด้วยกล้องจุลทรรศน์ (Microscopy)

เพียงเท่านี้เราก็สามารถทำความรู้จักกับเสื้อผ้าของคุณ และเลือกเส้นใยที่เหมาะกับฤดูกาลและการใช้งานได้อย่างง่ายดาย

ผู้เขียน ปิลันธน์ ธรรมมงคล